Last updated: 5 เม.ย 2567 | 662 จำนวนผู้เข้าชม |
เด็กคือวัยที่กำลังเจริญเติบโตและเรียนรู้ไว เพราะฉะนั้นทุกการกระทำคือการเรียนรู้ ดังนั้นทุกพื้นที่หรือสภาพแวดล้อมภายในบ้านจึงสำคัญ
วันนี้เราเลยอยากจะมาเสริมไอเดียการตกแต่งห้องสำหรับเด็กๆ ยังไงให้มีประสิทธิภาพ และสามารถเสริมสร้างพัฒนาการ ช่วยให้เด็กๆ มีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา และอารมณ์อย่างมีคุณภาพ
1.ขนาดห้องมีผลต่อการพัฒนาทักษะทางด้านร่างกาย
ขนาดของห้องเด็กควรจะมีพื้นที่กว้างพอ หรืออย่างน้อยควรมีขนาด 10 ตารางเมตรขึ้นไป เพื่อให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ เช่น การเล่นบทบาทสมมุติ,ของเล่นตัวต่อ หรือ จิ๊กซอว์,กิจกรรมวาดภาพระบายสี,นิทานสำหรับเด็ก เป็นต้น เพื่อเสริมพัฒนาการ และทักษะในด้านต่าง ๆ อย่างสะดวกสบาย
2.รูปแบบเฟอร์นิเจอร์
การเลือกเฟอร์นิเจอร์ คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงความปลอดภัย ไปจนถึงรูปทรงที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ เช่น เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะโค้งมน ไม่มีมุมที่แหลมคม, เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีน้ำหนักเบา และไม่ใหญ่จนเกินไปเพื่อป้องกันการล้มทับเด็ก, หรือเลือกรูปทรงที่เป็นลักษณะเรขาคณิต หรือรูปร่างที่ประหลาดตา เพื่อกระตุ้นการเกิดจินตนาการ และส่งเสริมทักษะการจำของเด็กได้ดี
3.ตกแต่งห้องด้วยสีสันที่สดใส
สีมีผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของลูกน้อยทั้ง ทักษะการจำ การแยกสี หรือการส่งเสริมจินตนาการ โดยสีที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกใช้ มีดังนี้
สีชมพู - เป็นสีโทนเย็น ให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ส่งผลให้เด็กมีอารมณ์ที่ สดใส ร่าเริง
สีฟ้า - เป็นสีโทนเย็น ให้อารมณ์ และความรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และช่วยให้เด็กอารมณ์เย็น ไม่ใจร้อน
สีเขียว - เป็นสีโทนเย็น แต่หากเลือกใช้สีเขียวเข้ม จะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หากเลือกใช้สีเขียวอ่อน จะช่วยกระตุ้นพลังงาน
สีเหลือง - เป็นสีโทนร้อน แต่สามารถนำมาเลือกใช้ เฉดสีอ่อน ซึ่งแสดงถึงความเบิกบาน ให้ความรู้สึกสดใส และมีพลัง อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นพลังงานในตัวเด็ก ให้ Active ส่งผลที่ดีต่อการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้นด้วย
สีส้ม - เป็นสีโทนร้อน ช่วยกระตุ้นการใช้ความคิด กระตุ้นความรู้สึก ให้มีชีวิตชีวา อยากเรียนรู้ และอยากปลดปล่อย ซึ่งส่งผลดีทางด้าน การทำกิจกรรมอีกด้วย
4.สร้างมุมการเรียนรู้ภายในห้อง
การจัดให้มีมุมการเรียนรู้ภายในห้องเด็ก ถือเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ให้ลูกน้อยมีพัฒนาการในทุกๆ ด้าน และได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องผ่านพื้นที่ภายในห้องนอน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.มุมพัฒนาทักษะทางด้านร่างกาย
มุมนี้เปรียบเสมือนการสร้างฟิตเนสภายในบ้านสำหรับวัยผู้ใหญ่ ที่มีส่วนช่วยในการส่งเสริมร่างกายให้เด็กแข็งแรง พร้อมกับเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย เช่น บ้านบอล, เตียง 2 ชั้น หรือพัฒนาทักษะทางด้านสมองด้วยของเล่นจำพวกตัวต่อ การจัดโต๊ะหนังสือให้เด็กทำกิจกรรม ฝึกพูด อ่าน เขียน ซึ่งบางกิจกรรมอาจทำให้เด็กเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ควรเลือกวัสดุปูพื้น ลดแรงกระแทกป้องกันเพื่อความปลอดภัยด้วย
2.มุมพัฒนาทักษะทางด้านจิตใจ
ระดับความรุนแรงทางอารมณ์ของเด็กแต่ละคน แต่ละช่วงวัยมีความต่างกัน ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การอบรมเลี้ยงดู ดังนั้น พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูจึงควรพยายามหลีกเลี่ยงการเลี้ยงดูเด็กที่ก่อให้เกิดอารมณ์อิจฉา อารมณ์โกรธ อารมณ์วิตกกังวล และความตึงเครียดให้มากที่สุด เช่น การเล่านิทาน การให้ความรัก ความอบอุ่น และการปล่อยให้เด็กได้เล่นอย่างเป็นธรรมชาติ
5.ตกแต่งห้องเด็กให้เข้ากับพัฒนาการของเด็ก
การออกแบบห้องเด็กควรปรับเปลี่ยนไปตามพัฒนาการของเด็ก เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย เช่น การติดตั้งราวจับประตูและบันได การจัดสรรพื้นที่สำหรับเล่นของเล่น การเพิ่มพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม การจัดเตรียมอุปกรณ์ และวัสดุสำหรับกิจกรรมต่างๆ
6.ปรึกษากับเด็กๆเกี่ยวกับการตกแต่งห้องนอนของพวกเขา
เด็กมีความคิดและความต้องการที่แตกต่างกัน การให้เด็กๆมีส่วนร่วมในการตกแต่งห้องนอนด้วยตัวเอง เช่น การเลือกสีห้อง การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งห้อง จะช่วยให้พวกเขารู้สึกเป็นเจ้าของห้อง และรู้สึกภูมิใจในผลงานของตนเอง
7.ควบคุมเสียงรบกวน
เสียงรบกวนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กหลายประการ เช่น รบกวนการนอนหลับ รบกวนการจดจ่อ เพิ่มความเสี่ยงการเป็นภาวะซึมเศร้าและความเครียด ส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางการเรียนรู้ ดังนั้น การควบคุมเสียงรบกวนในห้องนอนเด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญโดยอาจเลือกห้องนอนให้อยู่ห่างจากแหล่งกำเนิดเสียงรบกวน, การเลือกใช้วัสดุตกแต่งกันเสียง หรือติดตั้งฉนวนกันเสียงบนผนัง ประตู และหน้าต่าง เป็นต้น
ดังนั้นการออกแบบหรือตกแต่งห้องเด็กไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างห้องนอน เพื่อไว้สำหรับการพักผ่อนเพียงอย่างเดียว แต่ควรเลือกที่จะสร้างพื้นที่การเรียนรู้ให้แก่เด็กๆในแต่ละด้าน และเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ซึ่งอาจต้องใช้เวลาและความคิดในการออกแบบอยู่พอสมควร แต่หากคุณพ่อคุณแม่ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปเสริมไอเดียในการออกแบบห้องให้กับเด็กๆ หญิงวีรับรองเลยว่า ผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะคุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ
และสำหรับแผ่น SML 3D Wall ตกแต่งผนังของเราที่มีหลากหลายรูปแบบให้คุณเลือก ด้วยวัสดุเกรดพรีเมียม HMR E1 มีคุณสมบัติกันชื้น กันปลวก ทนทาน ติดตั้งง่าย ทำสีง่าย เติมแต่งได้ทุกจินตนาการ ที่สำคัญยังสามารถลดเสียงรบกวนที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเด็กๆ ได้ดีอีกด้วย ปลอดภัย ไร้กังวล ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชันการใช้งาน
สนใจสินค้า ปรึกษาปัญหา ติดต่อหญิงวีได้ทุกช่องทางเลยค่ะ